วิชา  ระบบสื่อสารแอนะลอก

หน่วยที่     6     ชื่อหน่วย   เฟสล๊อกลูป                                                          จำนวน   16    คาบ

ใบงานที่     2    ชื่องาน      การนำPLL ไปใช้งาน .                                              จำนวน    2     คาบ

 

 

จุดประสงค์ทั่วไป

                   ศึกษาการทำงานของเฟสล๊อกลูป

 

จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม

1.                สร้าง วงจร มอดูเลต/ดีมอดูเลตสัญญาณ FSR จาก PLL ได้

2.                สร้าง วงจร ดีมอดูเลตสัญญาณ FM จาก PLL ได้

3.                สร้าง วงจร ดีมอดูเลตสัญญาณ AM/DSB จาก PLL ได้

4.                สร้าง วงจร ดีเทกเตอร์ผลคูณ จาก PLL ได้

5.                สร้าง วงจร ดีมอดูเลตสัญญาณ  AM แบบซิงโครนัสจาก PLL ได้

 

เนื้อหา

                ระบบ PLL

                   รูปที่ 2.2 แสดงระบบ PLL ซึ่งประกอบด้วย

-                     VCO

-                     วงจรเปรียบเทียบเฟส

-                     วงจรกรองสัญญาณแบบ RC

ไอซี IC1 (uA 565 ดูรายละเอียดได้ในบทท้ายสุดของหนังสือเล่มนี้) จะประกอบด้วย VCO,

วงจรเปรียบเทียบเฟส และวงจรกรองสัญญาณแบบ RC

สัญญาณอินพุตและสัญญาณจากภาค VCO จะถูกส่งผ่านตัวเก็บประจะ C1 ให้กับวงจร

เปรียบเทียบเฟส

สัญญาณที่ได้จากเอาต์พุตของวงจรเปรียบเทียบเฟสจะถูกขยายและกรองสัญญาณด้วยวงจร RC

ซึ่งจะประกอบด้วยความต้านทาน 3.6 kW และตัวเก็บประจุ C4 ดังนั้นพารามิเตอร์หลักของ uA565 คือ

 

 

 

 

-216-

รูปที่ 2.1วงจร PLL

 

-217-

 

fo                             มีหน่วยเป็น Hz

 

-                     Lock range

 

f_L                                  มีหน่วยเป็น Hz

-                     Capture range

 

f_c                           มีหน่วยเป็น Hz

 

เมื่อ = 3.6 x 10³ x C4

 

-                     ผลคูณของ KoKd คือ

 

KoKd fo

 

รูปที่ 2.2

 

-218-

2.2 มอดูเลเตอร์สัญญาณ FSK

                สัญญาณ FSK นั้นจะประกอบด้วยสัญญาณรูปคลื่นซายน์อย่างน้อย 2 ความถี่ขึ้นไปโดยความถี่นี้จะขึ้น อยู่กับสถานะของข้อมูลที่นำมามอดูเลชั่น (ดูรูปที่ 2.3) ซึ่งใช้ในการส่งผ่านข้อมูลในระบบสื่อสาร โดย

ข้อดีในแง่ของความงานในการสร้างและความเชื่อถือได้

วิธีการนี้จะต่างจากการมอดูเลทเชิงความถี่กับสัญญาณอนาล็อก เนื่องจากความถี่ของสัญญาณคลื่นพาห์

จะเปลี่ยนแปลงแบบไม่ต่อเนื่องระหว่าง F_A และ F_z ตามรูป ขึ้นอยู่กับข้อมูลอินพุต

รูปที่ 2.4 แสดงวงจรไฟฟ้าของมอดูเลเตอร์ FSK อย่างง่าย ไอซี IC2 (uA555ดูรายละเอียดในท้ายเล่ม) จะถูกต่อวงจรให้ทำงานเป็นวงจรอะสเตเบิ้ลมัลติไวรเบรเตอร์ เพื่อสร้างสัญญาณคลื่นพาห์โดยมีความถี่

ขึ้นอยู่กับค่า R5-R6 และ C5 ส่วนไอซี IC1(uA555) นั้นใช้สำหรับสร้างข้อมูลและให้เอาต์พุตออกมาในรูปของสัญญาณรูปคลื่นสี่เหลี่ยมโดยมีความถี่ประมาณ 150 Hz (มีอัตราข้อมูลประมาณ 300 บิตต่อวินาที) ที่ขา 3

ข้อมูลที่ได้จะถูกป้อนให้กับตัวกำเนิดสัญญาณคลื่นพาห์ผ่าน R7 ซึ่งจะทำให้ความถี่ของสัญญาณคลื่นพาห์นี้เปลี่ยนไปตามข้อมูลอินพุต

 

 

รูปที่2.3

การมอดูเลทสัญญาณ FSK

 

R6 เร็วขึ้น จึงทำให้ความถี่ที่ออสซิลเลทออกมามีค่าสูง

เมื่อข้อมูลมีระดับแรงดันต่ำจะทำให้ความต้านทาน R7 และ R6 ทำหน้าที่เสมือนเป็นวงจรแบ่งแรงดัน

และทำให้การอัดประจุ C5 ใช้เวลานานขึ้น จึงทำให้ความถี่ของสัญญาณที่ออสซิลเลทออกมามีค่าต่ำดังนั้นวงจรนี้จะใช้สำหรับกำเนิดสัญญาณ FSK ที่มี 2 ความถี่ เมื่อข้อมูลเป็น 0 หรือ 1 เท่านั้น

 

-219-

รูปที่ 2.4

วงจรกำเนิดสัญญาณ FSK

2.3 การดีมูลเลทสัญญาณ FM และ FSK

รูปที่ 2.5 แสดงวงจรดีเทคเตอร์สัญญาณ FSK

สัญญาณ FSK ที่ถูกสร้างขึ้นจากวงจรในหัวข้อที่แล้วจะถูกป้อนให้กับอินพุตของ PLL ที่จุด 1

เมื่อ PLL สามารถล็อกความถี่ของสัญญาณอินพุตได้ ซึ่งมีความถี่ 2 ความถี่(ตามข้อมูล) จะทำให้

PLL สร้างแรงดัน 2 ระดับที่เอาต์พุตของรัวกรองสัญญาณ

ส่วนวงจรกรองสัญญาณความถี่ต่ำอีกวงจรหนึ่ง (R10 ถึง R13,C7 ถึง  C10) ที่ต่อจากวงจรกรอง

สัญญาณของระบบ PLL มีไว้เพื่อกำจัดส่วนที่เป็นสัญญาณพาห์ออกจากสัญญาณที่ป้อนให้กับ VCO

ที่เอาต์พุตนั้นจะต่อผ่านไอซี IC4 และทรานซีสเตอร์ T เพื่อขยายสัญญาณที่เป็นข้อมูลที่ต้องการออกมา

ซึ่งสัญญาณนี้จะเป็นข้อมูลที่ส่งมาจากภาคส่ง ที่กำเนิดโดย IC3

แต่ถ้าเราป้อนสัญญาณ FM เข้าไปที่อินพุตของ PLL และปรับค่าความถี่กลางของ VCO ไปที่ความถี่

ของคลื่นสัญญาณพาห์ของสัญญาณ FM (โดยปรับที่ RV1)เราก็สามารถดีมอดูเลทสัญญาณ FM ได้สัญญาณที่ต้องการที่จุด 12

จะเห็นได้ว่าเราสามารถสร้างดีมอดูเลเตอร์สำหรับดีมอดูเลทสัญญาณ FM และ FSK ได้ โดยใช้หลักการของ PLL

-220-

รูปที่ 2.5

ดีมอดูเลเตอร์ FM/FSK

 

2.4 วงจรคูณความถี่

รูปที่ 2.6 แสดงวงจรคูณความถี่ที่ใช้ PLL ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธีดังนี้

1)                ล็อก PLL กับความถี่ฮาร์มอนิกของสัญญาณอินพุร

2)                แทรกตัวหารความถี่ระหว่างเอาต์พุตของ VCO กับวงจรเปรียบเทียบเฟส

 

วิธีแรกนั้นทำได้ง่าย โดยการทำให้ VCO สร้างสัญญาณที่มีความถี่เป็นกี่เท่าของความถี่ของสัญญาณ

อินพุต

แต่วิธีนี้จะมีข้อจำกัดเนื่องจาก Lock range จะมีค่าลดลง เมื่อฮาร์มอนิกมีค่าเพิ่มขึ้นและขนาดของสัญญาณฮาร์มอนิกมีค่าลดลงด้วย แต่เราก็สามารถใช้วิธีนี้เพื่อคูณความถี่อินพุตได้ถึง 5 เท่า

วิธีที่ 2 นั้นเราจะแทรกตัวหารความถี่ระหว่าง VCO กับวงจรเปรียบเทียบเฟส(ดูรูปที่ 2.6) ซึ่งจะทำให้

VCO สร้างสัญญาณที่มีความถี่เป็น n เท่าของความถี่ของสัญญาณอินพุต เมื่อ PLL สามารถล็อกความถี่ได้

(เมื่อ n คือตัวหารดังกล่าว) ในรูปเราจะใช้ไอซี CD4017F สร้างวงจรหาร 10 ดังนั้นที่จุด 3 สัญญาณจะมี

ความถี่สูงกว่าความถี่ของสัญญาณอินพุตที่จุด 1 ประมาณ 10 เท่า

 

-221-

 

 

รูปที่ 2.6

การคูณความถี่

 

 

 

รูปที่ 2.7 แสดงวงจรมอดูเลเตอร์สัญญาณ AM-DSB โดยใช้ไอซีเบอร์ uA1496(ไอซีเบอร์อื่นที่แทนกันได้คือ MC1496 โดยดูรายละเอียดได้จากบทสุดท้ายของหนังสือ) ซึ่งภายในนั้นเป็นบาลานซ์มอดูเลเตอร์

2 ชุด ที่สามารถรับสัญญาณ 2 สัญญาณมาคูณกันเป็นเอาต์พุตได้ ในการวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ของการคูณกันระหว่างสัญญาณ 2 สัญญาณนั้นจะพบว่าสเปคตรัมของการคูณที่ได้จะประกอบด้วย ผลบวกและผลลบระหว่างสเปคตรัมของสัญญาณทั้งสองนั้น

ดังตัวอย่างที่จะแสดงให้เห็นดังนี้

 

                   V₁ = A₁ cosw₁t

                   V₂ = A₂ cosw₂t

 

ผลการคูณที่ได้คือ

 

                   V₁₂ = A₁A₂ cosw ₁t cosw ₂t

                          = A₁A₂[cos(w ₁ - w ₂)t  + cos(w ₁  +w ₂)t]

-222-

รูปที่ 2.7 แสดงไดอะแกรมของวงจรคูณ โดยใช้หลักการของบาลานซ์มอดูเลชั่นโดยการป้อนสัญญาณ

ทั้งสองเข้าที่จุด 19 และ 20 โดยมีทริมเมอร์ RV3 ไว้ปรับไม่ให้มีสัญญาณคลื่นพาห์ออกมา ซึ่งจะทำให้

ได้เอาต์พุตเป็นแบบ DSB และเป็นสัญญาณ AM ตามที่ต้องการ

รูปที่ 2.7

มอดูเลเตอร์สัญญาณ AM-DSB

 

          รูปที่ 2.8 แสดงวงจรดีเทคเตอร์แบบผลคูณ โดยใช้ไอซีเบอร์ uA1496 ทำการคูณสัญญาณ 2 สัญญาณ

และให้เอาต์พุตเป็นผลการคูณของสัญญาณทั้งสอง(รายละเอียดตามหัวข้อที่ 2.5 )

โดยพิจารณาจากสมการของสัญญาณคลื่นพาห์นี้

 

                   V₁ = cosw ₁t

เมื่อเราได้รับสัญญาณ DSB ที่มีคุณสมบัติตามสมการนี้

 

                   Vm = cos( w ₁   - w ₂)t   +  cos( w ₁  + w₂)t

 

         เมื่อ w₁คือความถี่ของคลื่นพาห์ และ w₂คือความถี่ของสัญญาณที่นำมามอดูเลทกับคลื่นพาห์

 

 

-223-

 

 

ดังนั้นที่เอาต์พุตของดีเทคเตอร์จะได้

                   Vout = Vm V₁ = cosw   ₁t[cos (w ₁ -  w ₂)t  + cos ( w ₁  + w ₂)t]

                            = cos (2w₁    +  w ₂)t   +   cos(- w ₂)t

                            =cos(2w ₁    -    w ₂)t   +    cos w ₂t

 

โดยปกติแล้วความถี่ของคลื่นพาห์ w₁ จะมีค่าสูงกว่าความถี่ของสัญญาณที่นำมามอดูเลทด้วย w₂ มาก

          ดังนั้นเราสามารถดีเทคเอาเฉพาะสัญญาณที่ต้องการได้โดยการป้อนสัญญาณของผลคูณที่ได้ผ่านวงจร

กรองสัญญาณความถี่ต่ำผ่าน ซึ่งจะทำให้เราสามารถดีมอดูเลทสัญญาณ AM นี้ออกมาได้ดังกล่าว

 

 

รูปที่ 2.8

การดีเทคด้วยการคูณ

 

 

รูปที่ 2.9 แสดงไดอะแกรมของดีมอดูเลเตอร์สัญญาณ AM แบบซิงโครนัส โดยการใช้ PLL ต่อร่วมกับ

ดีเทคเตอร์แบบผลคูณดังรูป

โดย PLL  นั้นจะทำหน้าที่สร้างสัญญาณคลื่นพาห์ของสัญญาณ AM ที่ส่งมา แล้วนำสัญญาณที่ได้นี้ไป

คูณกับสัญญาณ AM ด้วยตัวดีเทคเตอร์แบบผลคูณ ก็จะทำให้เราสามารถดีมอดูเลทสัญญาณ AM ได้

-224-

 

 

รูปที่ 2.9

ดีมอดูเลเตอร์ AM แบบซิงโครนัส

 

เครื่องมือและอุปกรณ์

1.    แหล่งจ่ายไฟฟ้า  12 Vde                                                         1  ชุด

2.    ชุดกำเนิดสัญญาณ AM/FM ความถี่ต่ำ                                             1  ชุด

3.    ออสซิลโลสโคป                                                                1  เครื่อง

4.    มิเตอร์วัดความถี่                                                                1  เครื่อง

5.    แผงทดลอง L05                                                             1  ชุด

6.    สายต่อวงจร                                                                    30 เส้น

ลำดับการทดลอง

         การคูณความถี่

                             การคูณความถี่ที่ใช้วงจร PLL สามารถทำได้โดยการแทรกตัวหารระหว่าง VCO กับวงจร                       เปรียบเทียบเฟส

ชุดทดลองนั้นจะมีตัวหาร 10 มาให้ใช้ในการทดลอง เพื่อใช้ในการสร้างความถี่ที่มีค่าเป็น

10 เท่าโดยทำได้ตามขั้นตอนดังนี้

1)   เชื่อมต่อจุดระหว่าง 4-5,3-14,15-2

2)   ปรับ RV1 จนกระทั่งความถี่ที่วัดได้ที่จุด 3 มีค่า 6  kHz

-225-

3)   ป้อนสัญญาณที่มีขนาด 500 mVpp และความถี่ประมาณ 6 kHz ที่จุด 1

4)   วัดความถี่ที่จุด 3 ด้วยมิเตอร์วัดความถี่ สังเกตดูว่าความถี่ที่วัดได้มีค่าสูงกว่าความถี่

ของสัญญาณอินพุต 10 เท่าหรือไม่

5)   ปรับความถี่ของสัญญาณอินพุต แล้วตรวจดูว่าความถี่ที่วัดได้ยังคงมีค่ามากกว่าความถี่ของ

สัญญาณอินพุต 10 เท่าหรือไม่ ในขณะที่ PLL สามารถล็อกความถี่ได้

6)   วัดค่า Lock ragne และ Capture range เมื่อความถี่ของ VCO เปลี่ยนไป และต่อตัวเก็บประจุ

50 nF ขนานกับ C4

 

ชุดกำเนิดสัญญาณ FSK

         ชุดกำเนิดสัญญาณ FSK จะประกอบด้วย IC2 และ IC3 เมื่อ IC2 ทำหน้าที่สร้างสัญญาณรูปคลื่นพาห์

และทำหน้าที่เป็นมอดูเลเตอร์ด้วย ส่วน IC3 ทำหน้าที่สร้างสัญญาณรูปคลื่นสี่เหลี่ยมที่ใช้ในการ

มอดูเลชั่น (มีค่าเป็น 0 หรือ 1 ) มีขั้นตอนดังนี้

1)   ต่อออสซิลโลสโคปวัดที่จุด 9 ซึ่งจะวัดสัญญาณรูปคลื่นสี่เหลี่ยม

2)   ปรับ RV2 และวัดค่าความถี่สูงสุดและต่ำสุดที่ได้

3)   ต่อออสซิลโลสโคปวัดที่จุด 8 โดยใช้สัญญาณที่จุด 9 ในการทริกออสวิลโลสโคป จะเห็นการเปลี่ยนแปลงความถี่ของสัญญาณรูปคลื่นสี่เหลี่ยมตามการเปลี่ยนแปลงระดับสัญญาณที่จุด 9

4)   วัดความถี่ที่จุด 8 ด้วยมิเตอร์วัดความถี่

 

ดีมอดูเลเตอร์สัญญาณ FSK ด้วย PLL

สัญญาณ FSK นั้นจะประกอบด้วยสัญญาณคลื่นพาห์ที่มีความถี่มากกว่า 2 ความถี่ขึ้นไป โดยความถี่ของสัญญาณคลื่นพาห์นี้จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่มามอดูเลทกับคลื่นพาห์นั้น ๆ

การดีมอดูเลทสัญญาณ FSK  โดยใช้ PLL สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้

1)   เชื่อมต่อระหว่างจุด 2-3,4-5,1-8

-226-

2)   ปรับ RV2 ให้ความถี่ที่วัดได้ที่จะด 9 มีค่าต่ำสุด

3)   วัดความถี่ที่ได้จากชุดกำเนิดสัญญาณ FSK (จุด 8)

4)   ปรับ RV1 จนกระทั่ง VCO สามารถสร้างสัญญาณออกมาที่จุด 3 ที่มีความถี่ใกล้เคียงกับสัญญาณที่จุด 8

5)   ใช้ออสซิสโลสโคปแบบ dual trace วัดที่จุด 9 (สัญญาณที่นำมามอดูเลท)และที่จุด 7 (สัญญาณที่

        ดีเทคได้) ค่อย ๆ ปรับ RV1 จนกระทั่ง PLL สามารถล็อกความถี่ได้ ขณะนี้สัญญาณที่ดีเทคได้จะ

                วัดได้ที่จุด 7 (ตามรูป PHOTO 1)

6)   จากรูปจะเห็นว่าสัญญาณที่ดีเทคได้มีการออสซิลเลท ซึ่งเกิดจากทรานเชียนต์ตามที่ได้อธิบายไว้ใน                   หัวข้อที่ 1.6 ทำการต่อตัวเก็บประจุขนาด 15 nF ขนานกับ C4 เพื่อทำให้คุณสมบัติของตัวกรอง           สัญญาณเปลี่ยนไป สังเกตดูว่าสัญญาณที่วัดได้ที่จุด 7 มีเปลี่ยนแปลงอย่างไร ในรูป PHOTO 2               แสดงสัญญาณที่ดีเทคที่วัดได้เมื่อทำการต่อตัวเก็บประจุ 15 nF ขนานกับ C4

7)   จะเห็นว่ายังมีสัญญาณรบกวนปะปนมากับสัญญาณที่ดีเทคได้ ซึ่งเราสามารถกำจัดออกได้โดย              การต่อผ่านตัวกรองสัญญาณความถี่ต่ำผ่าน โดยเชื่อมต่อระหว่างจุด 7-11 และ 6-10 แต่ก็จะทำให้

                สัญญาณที่ได้ไม่เป็นพัลส์ที่สวยงาม

8)    ต่อออสซิลโลสโคปวัดที่จุด 7,12 (หลังตัวกรองสัญญาณความถี่ต่ำผ่าน) และ 13 เพื่อดูความ

                แตกต่างของสัญญาณที่ได้

 

 

-227-

 

ดีมอดูเลเตอร์ FM/PLL

1)   เชื่อมต่อระหว่างจุด 2-3,4-5,6-10,7-11

2)   ปรับ RV1 จน VCO กำเนิดสัญญาณที่มีความถี่ 50 kHz

3)   ปรับสัญญาณ FM เข้าที่จุด 1 โดยจะต้องมีขนาดประมาณ 500 mVpp และมีความถี่สัญญาณที่นำมามอดูเลทประมาณ 1 kHz

4)   ต่อออสซิลโลสโคปวัดที่จุด 12 และตรวจดูว่ามีสัญญาณความถี่ต่ำปรากฎที่หน้าจอสโคปหรือไม่

5)   ปรับความถี่ของคลื่นพาห์และตรวจดูว่า PLL สามารถล็อกความถี่ได้หรือไม่ถ้าได้สามารถดีเทคสัญญาณได้ถูกต้องหรือไม่

 

ดีมอดูเลเตอร์ AM/DSB

1)   ป้อนสัญญาณที่มีความถี่ประมาณ 40 kHz และขนาดประมาณ 100 mVpp ที่จุด 19 (เป็นสัญญาณคลื่นพาห์) ซึ่งสามารถสร้างได้จากเอาต์พุตของ VCO ที่จุด 3 โดยการใส่ตัวต้านทาน 2.7 kWระหว่างจุด 3 และ 19

 

-228-

2)   ต่อออสซิลโลสโคปวัดที่จุด 21 และปรับ RV3 (เพื่อไม่ให้มีคลื่นพาห์คออกมา)

3)   ป้อนสัญญาณรูปคลื่นซายน์ที่มีขนาดประมาณ 200 mVpp และความถี่ประมาณ 1 kHz ที่จุด 20(สัญญาณที่นำมามอดูเลชั่น)

4)   วัดสัญญาณ AM-DSB ที่ได้ที่จุด 21 รูป PHOTO 3 แสดงสัญญาณที่นำมามอดูเลท(จุด 20) กับสัญญาณคลื่นพาห์(จุด 21)

5)   ปรับ RV3 ให้มีคลื่นพาห์ปนออกมากับสัญญาณ AM-DSB ที่จุด(จะได้สัญญาณตามรูป PHOTO 4)

6)   จากสัญญาณที่ได้วัดและคำนวณหา เปอร์เซนต์การมอดูเลชั่น ขนาดของสัญญาณคลื่นพาห์ และขนาดของสัญญาณไซด์แบนด์

ดีเทคเตอร์ผลคูณ

1)   ป้อนสัญญาณจากเอาต์พุตของ VCO (จุด 3) ที่จุด 16

2)   ป้อนสัญญาณรูปคลื่นซายน์ที่จุด 17 โดยมีขนาดประมาณ 500 mVpp และมีความถี่ที่ไม่ต่างจากความถี่ของสัญญาณจาก VCO มากนัก

3)   ต่อมิเตอร์วัดความถี่ที่จุด 18 และตรวจดูว่าความถี่ที่วัดได้มีค่าเท่ากับค่าความแตกต่างระหว่างค่าความถี่ของสัญญาณอินพุตทั้งสองหรือไม่ ในขณะนี้วงจรนี้ทำหน้าที่เป็นมิกเซอร์(หรือตัวแปลงความถี่)

4)   สร้างสัญญาณ DSB ตามการทดลองหัวข้อที่ 3.7

 

-229-

5)   เชื่อมต่อระหว่างจุด 19-16 (ป้อนสัญญาณคลื่นพาห์ให้กับมอดูเลเตอร์และดีมอดูเลเตอร์)และจุด

                 21-17

6)   ต่อออสซิลโลสโคปวัดที่จุด 18 และตรวจดูว่าสัญญาณที่ดีเทคได้เป็นสัญญาณเดียวกันกับสัญญาณ                    ที่ป้อนให้กับอินพุตของมอดูเลเตอร์ AM ที่จุด 20 หรือไม่

 

ดีมอดูเลเตอร์ AM แบบซิงโครนัส

 

1)   เชื่อมต่อระหว่างจุด 2-3,4-5,3-16,1-17

2)   ปรับ VCO ให้ผลิตสัญญาณที่มีความถี่ 40 kHz

3)   ป้อนสัญญาณ AM เข้าที่จุด 1 ซึ่งมีขนาดประมาณ 1 Vpp และความถี่ของสัญญาณคลื่นพาห์มีค่าประมาณ 40 kHz โดยมีความถี่ของสัญญาณที่มอดูเลทประมาณ 1 kHz

4)   เชื่อมต่อวงจรใหม่ดังนี้ ป้อนสัญญาณ AM ให้กับอินพุตของ PLL และของตัวดีเทคสัญญาณแบบผลคูณ สัญญาณคลื่นพาห์ที่สร้างได้จาก PLL ป้อนเข้าอินพุตที่เหลือของดีเทคเตอร์แบบผลคูณ วึ่งจะได้สัญญาณที่มีความถี่ประมาณ 1 kHz ที่เอาต์พุตของดีเทคเตอร์

5)   ต่อออสซิลโลสโคปวัดที่จุด 3 และตรวจดูว่าความถี่ของคลื่นพาห์ (ที่สร้างโดย PLL) มีค่าตามความถี่ของสัญญาณคลื่นพาห์ของสัญญาณ AM หรือไม่เมื่อ PLL สามารถล็อกความถี่ได้

6)   เมื่อ PLL สามารถล็อกความถี่ได้ ให้ตรวจดูว่าจะมีสัญญาณที่ดีเทคได้ที่เอาต์พุตของดีเทคเตอร์แบบผลคูณที่จุด 18 หรือไม่